📣 อาการไอเป็นอาการที่พบได้ทั่วไป ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฝุ่น มลภาวะ สารเคมีต่างๆ อาการภูมิแพ้ หรืออาจเป็นอาการของโรคต่างๆ เช่น โรคหวัด โรคหลอดลมอักเสบ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง ฯลฯ ก็ได้เช่นกัน หากเพื่อนๆคนไหนมีอาการไอ และไม่อยากให้อาการแย่ลง วันนี้เรามีคำแนะนำดีๆมาตอบปัญหาสุดฮิตที่หลายคนสงสัยกันว่า ไอห้ามกินอะไร และมีอะไรที่จะช่วยบรรเทาอาการไอได้บ้าง ถ้าอยากรู้แล้ว ตามไปดูกันเลยค่า
1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากถามว่าไอห้ามกินอะไร สิ่งแรกที่ต้องระวังเลยก็คือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ค่ะ เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ จึงทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้คอแห้งและไอมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังไปกดการทำงานของเม็ดเลือดขาว ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน จึงทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากการศึกษายังพบว่า แอลกอฮอล์มีส่วนที่ทำให้อาการปอดและหลอดลมอักเสบแย่ลงอีกด้วย
2. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน คาเฟอีนก็เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์เลยค่ะ มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะเหมือนกัน ดังนั้นการรับประทานชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากๆ เช่น น้ำอัดลม ก็จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ อย่างไรก็ตามการรับประทานเครื่องดื่มอุ่นๆจะช่วยบรรเทาอาการไอได้ จึงควรเลือกชาที่ไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีน และอาจเติมส่วนผสมที่ช่วยบรรเทาอาการไอ เช่น ขิง ชะเอมเทศ หรือน้ำผึ้งลงไปด้วย
3. นมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม นอกจากจะต้องหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีนแล้ว หากมีอาการไอห้ามกินอะไรที่ทำจากนมหรือมีส่วนผสมของนมด้วยนะคะเพื่อน ๆ เพราะนมจะทำให้เสมหะมีปริมาณมากขึ้น มีลักษณะเหนียวกำจัดได้ยาก และส่งผลให้อาการไอแย่ลงไปอีก นอกจากนมแล้วก็ยังหมายรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ทำจากนมหรืออาหารที่มีส่วนปรกอบของนมด้วย เช่น ชีส ไอศกรีม เป็นต้น
4. อาหารที่มีรสเผ็ด เมื่อมีอาการไอห้ามกินอะไรเผ็ด ๆ จะดีที่สุดค่ะ หลายครั้งเวลารับประทานอาหารที่เผ็ดมากๆ ก็อาจเกิดอาการไอได้ ยิ่งถ้าเพื่อนๆมีอาการไออยู่แล้ว ยิ่งควรหลีกเลี่ยงเลยค่ะ เพราะแม้สารแคปไซซิน (Capsaicin) ในพริกจะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ทานแล้วช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการหวัด ช่วยให้จมูกโล่ง แต่จากการศึกษาที่เผยแพร่ใน Critical Reviews in Food Science and Nutrition ปี 2016 ระบุว่า สารแคปไซซินนั้นกระตุ้นให้เกิดเสมหะมากขึ้น ดังนั้นการรับประทานอาหารรสเผ็ดอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นหรือโล่งขึ้นชั่วคราว แต่อาจส่งผลให้อาการแย่ลงในระยะยาวหรือทำให้หายช้าลงได้
5. น้ำตาลและอาหารรสหวานจัด อีกหนึ่งศัตรูตัวร้ายก็คือน้ำตาลนี่แหละค่ะ เพราะยิ่งบริโภคน้ำตาลมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแย่ลงเช่นกัน นอกจากนี้น้ำตาลยังไปดูดความชื้นในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการระคายเคือง เพิ่มการอักเสบ เพิ่มเสมหะ และกระตุ้นอาการไออีกด้วย ดังนั้นของหวานทั้งหลายงดไว้ก่อนเลยนะคะ
6. ของทอด อีกหนึ่งคำตอบของคำถามว่าไอห้ามกินอะไร ที่เชื่อว่าหลายคนก็คงทราบดีอยู่แล้ว แต่อดใจไม่ค่อยไหวทุกที ก็คืออาหารจำพวกของทอดๆมันๆทั้งหลาย ซึ่งนอกจากจะเต็มไปด้วยน้ำมันที่ทำให้อ้วนแล้ว ยังทำให้เกิดการระคายคอและหลอดลม คันคอ เจ็บคอ และกระตุ้นอาการไอให้รุนแรงขึ้นอีกด้วยนะคะ
⚡ วิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการไอ
เมื่อเราทราบแล้วว่าไอห้ามกินอะไรบ้าง ทีนี้เรามาดูกันต่อว่า ตอนที่เราไอควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร หรือมีตัวช่วยอะไรที่ทำให้หายเร็วขึ้นบ้าง
- ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
- สูดไอน้ำร้อน โดยนำน้ำร้อนใส่ลงในอ่างหรือชามขนาดใหญ่ จะผสมสมุนไพรหรือน้ำมันหอมระเหยลงไปด้วยก็ได้ และสูดดมไอน้ำที่ระเหยขึ้นมา หรืออาจจะนำผ้าขนหนูมาคลุมศีรษะไว้ด้วยก็ได้ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าวิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นหอบหืดนะคะ
- อาบน้ำอุ่น
- ใช้น้ำเกลือบ้วนปาก เพื่อช่วยลดเสมหะและเชื้อโรค
- ใช้ยาอมหรือยาพ่นแก้ไอ เจ็บคอ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันยูคาลิปตัสหรือเมนทอล ทาบริเวณหน้าอก
- งดการสูบบุหรี่
- รับประทานอาหารอ่อนๆ ที่ไม่ระคายคอ เน้นประเภทต้ม ตุ๋น นึ่ง
- รับประทานเครื่องดื่มและสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการไอ เช่น ชาขิง ชาเปปเปอร์มิ้นท์ ชะเอมเทศ ขมิ้น น้ำผึ้ง เป็นต้น
💬 ดังที่ได้เกริ่นไปในตอนต้นแล้วนะคะว่าอาการไออาจเป็นอาการของโรคต่างๆได้เช่นกัน ดังนั้นนอกจากจะต้องระมัดระวังว่าไอห้ามกินอะไร หรือมีวิธีไหนที่ช่วยให้อาการดีขึ้นแล้ว ควรหมั่นสังเกตอาการอื่นๆประกอบด้วย เช่น มีไข้สูง เสมหะมีสีเหลือง เชียว หรือมีเลือดปน หายใจไม่สะดวก กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือหากอาการไม่ดีขึ้น มีอาการไอเรื้อรัง เพื่อนๆควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาเพิ่มเติมนะคะ