เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึงผลการประชุม ศบค. ครั้งที่ 13 /2564 สืบเนื่องจากการพิจารณาข้อกำหนดฉบับที่ 30 ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ประกาศตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 ในแง่การจัดพื้นที่สถานการณ์ย่อย เนื่องจากครบกำหนดการประเมินในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ โดยในครั้งนี้ไม่มีการปรับพื้นที่สีสถานการณ์ แต่มีการปรับมาตรการที่เข้มงวด การอนุญาตให้เปิดบางกิจกรรมกิจการที่มีความพร้อมและมีความจำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด และต้องมีการพิจารณาที่รอบด้านทั้งเศรษฐกิจและสังคม
พญ.อภิสมัย ย้ำว่า การแบ่งพื้นที่โซนสีตามสถานการณ์การแพร่ระบาดจะยังคงเดิม ไม่มีการปรับโซนสี ซึ่งพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดยังคงเป็น 29 จังหวัด ทั้งนี้ยังคงมาตรการ Work from Home และเคอร์ฟิวอย่างน้อย 14 วัน ยกระดับมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล หรือการป้องกันโรคแบบครอบจักรวาล Universal Prevention
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเปิดกิจกรรมและกิจการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด แต่อยู่ภายใต้มาตรการที่กำหนด โดยเริ่มวันที่ 1 กันยายนนี้ มีดังนี้
- ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ร้านเสริมสวยเปิดเฉพาะตัดผม ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
- ร้านอาหารในห้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เปิดนั่งได้ 50% ถ้าอากาศถ่ายเท เปิดนั่งได้ 75%
- ร้านนวด เปิดนวดเท้าเท่านั้น
- เดินทางข้ามจังหวัดได้ด้วยเครื่องบิน รถ บขส. รถส่วนตัว แต่ขอเท่าที่จำเป็น
- สนามกีฬาแข่งได้ แต่ยังไม่ให้มีคนดู
- สวนสาธารณะ เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ใช้พื้นที่สถานศึกษา ขออนุญาตกระทรวงศึกษาธิการ และ คณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด
ส่วนสถานที่หรือกิจกรรมที่ยังไม่เปิดให้บริการ อาทิ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส สปา อาบอบนวด สวนสนุก สวนน้ำ สระว่ายน้ำ และห้องประชุมจัดเลี้ยง
