ไม่นานมานี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้เปิดตัว “ยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์” สำหรับผลิตใน รพ. จุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นตำรับแรกในประเทศไทย หลายคนให้ความสนใจกับยาตำรับนี้ไม่น้อย ซึ่งจุดเด่นของยาน้ำดังกล่าวคือ เป็นยาต้านเชื้อไวรัสสำหรับเด็ก และผู้ป่วยที่มีความลำบากในการกลืนยาเม็ด
.
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เล่าว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ช่วงนี้ พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอย่างชัดเจน และมีผู้ติดเชื้อเป็นเด็กจำนวนค่อนข้างสูง และใช้ยารักษาแบบเม็ดได้ค่อนข้างลำบาก ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้หารือกับบริษัท เมดิกา อินโนวา จำกัด เพื่อผลิตยาในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ในรูปแบบยาน้ำเชื่อมที่ใช้รักษาโควิด-19
.
การใช้ยานี้ ต้องใช้ตามแพทย์สั่ง มีแพทย์ติดตาม เพราะยามีผลข้างเคียง และยามีอายุ 30 วัน ส่วนวิธีการเก็บรักษา ควรเก็บในที่ที่ไม่โดนแสงแดด ในอุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส
.
ส่วนขนาดในการรับประทานยาน้ำเชื่อมฟาวิพิราเวียร์ ทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ได้ให้ข้อมูลผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวเอาไว้ดังนี้
.
ขนาดรับประทานในเด็ก
ช่วงอายุ ตั้งแต่แรกเกิด – 10 ปี
ระยะเวลาการให้ยา 5 – 10 วัน (วันละ 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชม.)
วันแรก รับประทานขนาด 60 มก./กก./วัน แบ่งให้วันละ 2 ครั้ง (ครั้งละ 30 มก.)
วันต่อมา รับประทานขนาด 20 มก./กก./วัน แบ่งให้วันละ 2 ครั้ง (ครั้งละ 10 มก.)
.
ขนาดรับประทานในผู้ใหญ่
วันแรก รับประทานขนาด 1,800 มก. วันละ 2 ครั้ง
วันต่อมา รับประทานขนาด 800 มก. วันละ 2 ครั้ง
.
กรณีผู้ใหญ่น้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม
วันแรก รับประทานขนาด 2,400 มก. วันละ 2 ครั้ง
วันต่อมา รับประทานขนาด 1,000 มก. วันละ 2 ครั้ง