5 วิธีไขข้อข้องใจ เช็กคุณสมบัติหน้ากากอนามัย ป้องกันโควิด-19

1. ค่า Particulate Filtration Efficiency (PFE)
PFE คือค่าที่แสดงความสามารถในการกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า 0.1 ไมครอน ซึ่งเชื้อไวรัสโควิดมีอนุภาคทรงกลมขนาด 0.06 – 0.14 ไมครอน เมื่อหน้ากากอนามัยมีค่า PFE สูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในป้องกันการรับเชื้อและลดการแพร่กระจายเท่านั้น รวมไปถึงหมดกังวลปัญหาเรื่องฝุ่นละอองได้อีกด้วย

2. ค่า Viral Filtration Efficiency (VFE)
ห้ามพลาดที่จะตรวจสอบการรับรองค่าประสิทธิภาพการกรองอนุภาคของเชื้อไวรัสหรือ VFE ที่ควรมีไม่น้อยกว่า 98% เพื่อลดปัญหาการกระจายละอองฝอยจากสารคัดหลั่ง

3. ค่า Bacterial Filtration Efficiency (BFE)
การเลือกซื้อหน้ากากอนามัยที่มีค่าประสิทธิภาพในการกรองแบคทีเรีย (BFE) ไม่น้อยกว่า 98% จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียสามารถแทรกซึมเข้าถึงใบหน้า

4. ค่า Delta P
Differential Pressure หรือ Delta P เป็นค่าชี้วัดความสะดวกในการหายใจ ซึ่งหากมีค่าน้อยกว่า 4 mmH₂O / cm² จะช่วยทำให้ผู้สวมใส่หน้ากากหายใจโปร่งสบายยิ่งขึ้น

5. ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล
รหัสมาตรฐานการทดสอบการป้องกันของเหลวซึมผ่าน ไม่ว่าจะ มอก. 2424-2562 จากประเทศไทย, ASTM F2100 จากสหรัฐอเมริกา, YY/T 0691-2008 จากจีน, JMHLW-2000 จากญี่ปุ่น, AS4381 จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมไปถึง EN 14683 และ ISO 22609 ที่มาตรฐานของสหภาพยุโรป จะเป็นการบ่งบอกประสิทธิภาพที่สามารถป้องกันสารคัดหลั่งจากน้ำมูก น้ำลาย และละอองเชื้อต่าง ๆ โดยควรมีค่า Fluid Resistance (FR) ระดับความดันอยู่ที่ประมาณ 80 120 และ 160 mmHg

อย่างไรก็ตาม หากหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่มิได้ระบุค่าประสิทธิภาพต่าง ๆ แต่ได้รับการอนุญาตจาก อย. ยังคงมีคุณสมบัติในการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสที่มาพร้อมละอองต่าง ๆ จากสารคัดหลั่งได้ นอกจากนี้ ยังควรสวมแมสก์ 2 ชั้นตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรคอีกด้วย