คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติปรับสูตรฉีดวัคซีน ยกเลิกซิโนแวค 2 เข็ม ให้ฉีดสลับยี่ห้อ เป็นซิโนแวค-แอสตร้าฯ สั่งทุกโรงพยาบาลเริ่มทันที พร้อมเห็นชอบฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส ให้บุคลากรการแพทย์ด่านหน้า โดยเน้นแอสตร้าเซเนก้าเป็นหลัก
.
มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ดังนี้
– ห้ามรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน
– จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด
– ลดการเดินทางขนส่งสาธารณะข้ามจังหวัดระยะไกล
– Work from Home ของทั้งภาคเอกชนและรัฐมากที่สุด เพื่อลดโอกาสการสัมผัสโรค
– ลดการเคลื่อนย้ายและกิจกรรมของคน
– ปรับแผนระดมฉีดวัคซีนให้กลุ่มสูงอายุและป่วย 7 กลุ่มโรค ตั้งเป้าฉีดวัคซีนผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ให้ได้ 1 ล้านคนในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะพื้นที่ระบาดรุนแรง
.
วันนี้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีการประชุมที่สำคัญ 4 เรื่อง
.
1. เห็นชอบฉีดวัคซีนสลับชนิดโดยเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค และเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา โดยจะสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น โดยทางโรงพยาบาลต่างๆ สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า
.
2. ที่ประชุมรับทราบการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโดยให้วัคซีนเข็มที่ 3 ห่างจากเข็ม 2 ในระยะ 3-4 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันสูงต่อบุคลากรการแพทย์ด่านหน้า
ซึ่ง บูสเตอร์โดส นี้จะเป็นยี่ห้อ แอสตร้าเซนเนก้า เป็นหลัก เนื่องจากมีข้อมูลทางวิทยาการระบุว่า การให้วัคซีนคนละชนิดมีผลกระตุ้นดีต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในบุคคล
.
3. ที่ประชุมเห็นชอบการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงการตรวจหาเชื้อ และประชาชนจะได้ไม่ต้องรอคิวนานเหมือนการสวอป โดยการใช้ Antigen Test Ki นั้น ต้องมีการผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย.ก่อน ขณะนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 24 ราย สำหรับการใช้ จะอนุญาตให้ตรวจตามสถานพยาบาลและหน่ายตรวจที่ได้รับมาตรฐานมีกว่า 300 แห่ง เชื่อว่าจะลดระยะเวลาคอยได้ และในเร็วๆ นี้จะอนุญาตให้ประชาชนสามารถตรวจเองที่บ้านได้
.
4. ที่ประชุมเห็นชอบ การแยกกักที่บ้านและชุมชน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรง ที่ยังไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ โดยจะเป็นไปตามข้อกำหนดที่ สปสช. กำหนด